วันเสาร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2560

ประแจ (Wrench)
เป็นเครื่องมือช่างที่ใช้แรงบิด ใช้สำหรับจับ ยึด ขัน หรือคลายหัวสกรู นอต สลักเกลียว และท่อ ประแจที่มีคุณภาพส่วนใหญ่จะผลิตจากเหล็กกล้าและขึ้นรูปด้วยวิธีการตีขึ้นรูป  แต่ประแจที่ใช้งานได้ดีที่สุดนั้นจะทำจากเหล็กกล้าผสมโครเมียมและวานาเดียม
ประแจแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด คือ
1. ประแจชนิดปากเลื่อน (Adjustable  Wrenches) ประแจชนิดนี้เป็นประแจที่สามารถปรับขนาดได้ เพื่อให้เหมาะสมกับขนาดของแป้นเกลียว การปรับขนาดนั้นจะปรับตรงส่วนที่เป็นสลักเกลียว ซึ่งถือได้ว่าได้ว่าเป็นข้อดีของประแจชนิดนี้ ทำให้สะดวกในการพกพาเพียงตัวเดียวก็สามารถใช้ได้เกือบทุกขนาด เมื่อเทียบกับประแจปากตายแล้วถือว่าสะดวกกว่ามาก แต่จุดด้อยของประแจเลื่อนก็คือ มีปากด้านหนึ่งที่สามารถปรับเข้าออกได้ เป็นผลให้ปากด้านนี้ไม่แข็งแรงในการใช้งานจึงต้องให้ปากประแจด้านที่ไม่เคลื่อนเป็นด้านที่รับแรงมากและปรับขนาดของปากให้แนบสนิทกับแป้นเกลียวทุกครั้ง โดยประแจเลื่อนมีอีกหลายชนิดดังนี้
-ประแจจับท่อ (Pipe Wrenches)


มีทั้งแบบด้ามขาเดียวและด้าม 2 ขา ปากของประแจสามารถปรับให้มีขนาดกว้างได้ตามต้องการ ประแจชนิดนี้จะผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ในการจับชิ้นงานที่มีลักษณะเป็นทรงกลม เช่น ท่อน้ำ เป็นต้น จึงทำให้ปากของประแจมีฟันที่ค่อนข้างคม มีผลให้ชิ้นงานที่ถูกจับหันตามทิศทางที่ประแจหมุนไป แต่ถ้าหมุนผิดทางจะไม่สามารถจับชิ้นงานให้หมุนตามประแจได้

-ประแจเลื่อน



จะจับแป้นเกลียวที่มีลักษณะเป็นเหลี่ยมใหญ่กว่าขนาดของประแจปากตาย วิธีปรับปากประแจก็เพียงแต่ปรับที่เขี้ยวที่อยู่บริเวณด้ามจับ ประแจชนิดนี้จะมีขนาดตั้งแต่ 9-18 นิ้ว

2. ประแจปากตาย (Fixed Wrench) ประแจชนิดนี้ปากของประแจจะมีขนาดคงที่ไม่สามารถปรับให้เล็กหรือใหญ่ได้ ดังต่อไปนี้
ประแจแหวน (Box Wrench)
ลักษณะเด่นอยู่ที่ปลายทั้งสองด้าน มีลักษณะเป็นแหวนวงกลม ภายในวงแหวนจะมีเขี้ยวประมาณ 6-12 เขี้ยว เพื่อใช้ในการจับเหลี่ยมแป้นเกลียวและสลักเกลียวได้อย่างมั่นคง

ประแจปากตายปากคู่ (Open-end Wrench)
ปลายทั้งสองด้านของประแจชนิดนี้มีลักษณะเป็นรูปตัวยู (U) ซึ่งจะมีขนาดที่ไม่เ่ท่ากัน ซึ่งเหมาะกับงานในที่แคบมากที่สุด ในการใช้งานจะต้องระวังอย่าขันแน่นมากเกินไป เพราะจะทำให้สลักเกลียวชำรุดเสียหายได้

-ประแจรวม (Combination Wrench)
ประแจชนิดนี้ได้รวมเอาประแจแหวนกับประแจปากตายปากคู่เข้าไว้ด้วยกัน โดยที่ด้านหนึ่งมีลักษณะเหมือนกับประแจแหวน ส่วนอีกด้านจะเหมือนกับประแจปากตายปากคู่  ทำให้สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย ขนาดของหัวประแจจะมีขนาดที่เท่ากันทั้งสองด้าน

3. ประแจชนิดพิเศษ (Special Screw Wrenches) ประแจชนิดนี้ปกติจะออกแบบให้เหมาะสมกับหัวสกรูหรือนอตที่มีลักษณะพิเศษ เป็นงานเฉพาะจุดซึ่งประแจ 2 ชนิดแรกทำไม่ได้ หรือไม่สะดวก ดังนี้
-ประแจกระบอก (Socket Wrench)
ประแจชนิดนี้สามารถนำไปใช้งานได้เหมือนกับประแจแหวน แต่ลักษณะที่แตกต่างกันจะอยู่ตรงที่ตัวประแจจะประกอบด้วย 2 ส่วนหลักๆ คือด้ามประแจ (Cheater Bar) และหัวประแจ (Socket) ในส่วนของด้ามประแจนั้น ปลายด้านหนึ่งจะมีลักษณะเป็นด้ามจับ อีกด้านจะมีลักษณะเป็นหัวต่อ เพื่อนำไปต่อกับหัวประแจอีกทีหนึ่ง ลักษณะพิเศษของหัวต่อ คือสามารถหมุนได้ในทิศทางเดียว ทำให้สะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น (ภาษาช่างรุ่นเก๋ามักเรียกว่าประแจชนิดนี้ว่ากรอกแกรก ที่มาของชื่อน่าจะเป็นเพราะเสียงของมันเวลาใช้งานดังกรอกแกรก) ส่วนที่หัวประแจจะมีลักษณะเป็นบล็อกหกเหลี่ยมตามขนาดของแป้นเกลียวหัวประแจ นอกจากจะมีลักษณะเป็นบล็อกแล้วยังมีลักษณะเป็นรูปแบบอื่นๆ อีก เช่น หัวเป็นไขควง, ประแจหกเหลี่ยม นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมอย่างข้อต่อประแจปรับได้ หรือบางครั้งจะเรียกว่า ข้ออ่อนจะทำให้สามารถทำงานได้หลายทิศทางมากยิ่งขึ้น

ประแจหกเหลี่ยมหรือประแจแอล (Allen or Hex Wrench)
ในการเรียกชื่อของประแจประเภทนี้สามารถเรียกได้ 3 แบบคือ หากเป็นแบบอเมริกันจะเรียกว่า “Hex Wrench” หรือ “Allen Wrench” แต่ถ้าเป็นอังกฤษจะเรียกว่า “Allen Key” ลักษณะภายนอกของประแจประเภทนี้ก็คือ มีลักษณะเป็นตัวแอล (L) โดยลำตัวมีลักษณะเป็นหกเหลี่ยม ประแจประเภทนี้จะถูกนำไปใช้ในการขันนอตที่มีหัวเป็นหลุมหกเหลี่ยมหรือสลักเกลียวที่ทำเป็นหัวกลม  ส่วนกลางทำเป็นรูหกเหลี่ยม ซึ่งใช้สำหรับงานที่มีความพิเศษ เช่น สลักเกลียวปรับชิ้นงาน เป็นต้น ข้อควรระวังในการใช้งานคือ ความพอดีของแรงที่ใช้ในการขันจะต้องไม่ออกแรงมากเกินไป

การใช้งานประแจด้วยความปลอดภัยสามารถทำได้ ดังนี้
1.เลือกใช้ประแจที่มีขนาดของปากและความยาวของด้ามที่เหมาะสมกับงานที่ใช้ ไม่ควรต่อด้ามให้ยาวกว่าปกติ
2.ปากของประแจต้องไม่ชำรุด เช่น สึกหรอ ถ่างออก หรือร้าว
3.เมื่อสวมใส่ประแจเข้ากับหัวนอตหรือหัวสกรูแล้วปากของประแจต้องแน่นพอดีและคลุมเต็มหัวน๊อต
4.การจับประแจสำหรับผู้ถนัดมือขวา ให้ใช้มือขวาจับปลายประแจ ส่วนมือซ้ายหาที่ยึดให้   มั่นคง ร่างกายต้องอยู่ในสภาพมั่นคงและสมดุล
5.การขันประแจไม่ว่าจะเป็นขันให้แน่น หรือคลายต้องใช้วิธีดึงเข้าหาตัวเสมอ และเตรียมพร้อมสำหรับปากประแจหลุดขณะขันด้วย
6.ควรเลือกให้ประแจชนิดปากปรับไม่ได้ก่อน เช่น ประแจแหวน หรือประแจปากตาย ถ้าประแจเหล่านี้ใช้ไม่ได้จึงค่อยเลือกใช้ประแจชนิดปากปรับได้ เช่น ประแจเลื่อน แทน
7.การใช้ประแจชนิดปากปรับได้ เช่น ประแจเลื่อนหรือประแจจับแป๊ป ต้องให้ปากด้านที่เลื่อนได้อยู่ติดกับผู้ใช้เสมอ
8.การใช้ประแจชนิดปากปรับได้จะต้องปรับปากประแจให้แน่นกับหัวนอตก่อนจึงค่อยออกแรงขัน
9.ปากและด้ามของประแจต้องแห้งปราศจากน้ำมันหรือจาระบี
10.การขันนอตหรือสกรูที่อยู่ในที่แคบหรือลึกให้ใช้ประแจบ๊อกเพราะปากของประแจบ๊อกจะยาวสามารถสอดเข้าไปในรูที่คับแคบได้
11.ขณะขน ประแจต้องอยู่ระนาบเดียวกันกับหัวนอตหรือหัวสกรู
12.ไม่ควรใช้ประแจชนิดปากปรับได้กับหัวนอตหรือสกรูที่จะนำกลับมาใช้อีกเพราะหัวนอตหรือสกรูจะเสียรูป
13.การเก็บประแจควรจะมีสถานที่จัดเก็บเฉพาะซึ่งแห้งและปราศจากจาระบีหรือน้ำมัน   ถ้าจะให้ดีควรใช้วิธีแขวนไว้กับแผงไม้หรือใส่กล่องเฉพาะ






อ้างอิง https://toolstipsblog.wordpress.com
                 http://www.thaieditorial.com
                 http://www.inventor.in.th








   












ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น